นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy)

บริษัท มายด์เอจ อินโนเวชั่น จำกัด

บริษัท มายด์เอจ อินโนเวชั่น จำกัด รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของบริษัท มายด์เอจ อินโนเวชั่น จำกัด ต่อไปนี้ จะเรียกรวมว่า (“บริษัท”) ตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลอื่นอันเกี่ยวกับความโปร่งใสและความรับผิดชอบในการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลของท่านตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 (“กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (“นโยบาย”) นี้จึงได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อชี้แจงแก่ท่านถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผย (รวมเรียกว่า “ประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งดำเนินการโดย บริษัท รวมถึงเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เกี่ยวข้องผู้ดำเนินการแทนหรือในนามของ บริษัท โดยมีเนื้อหาสาระดังต่อไปนี้

1. ขอบเขตการบังคับใช้

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้บังคับใช้กับ บริษัท มายด์เอจ อินโนเวชั่น จำกัด รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งกระทำในนามหรือตามคำสั่งของ บริษัท มายด์เอจ อินโนเวชั่น จำกัด นโยบายนี้ใช้บังคับกับ ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคล ซึ่งมีความสัมพันธ์กับ บริษัท มายด์เอจ อินโนเวชั่น จำกัด รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งกระทำในนามหรือตามคำสั่งของบริษัท มายด์เอจ อินโนเวชั่น จำกัด ในปัจจุบัน และที่อาจมีในอนาคต ซึ่งถูกประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดย บริษัท เจ้าหน้าที่ พนักงานตามสัญญา หน่วยธุรกิจหรือหน่วยงานรูปแบบอื่นที่ดำเนินการโดย บริษัท และรวมถึงคู่สัญญาหรือบุคคลภายนอกที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนหรือในนามของ บริษัท (“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล”) ภายใต้ผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ ระบบ แอปพลิเคชัน เอกสาร หรือบริการในรูปแบบอื่นที่ควบคุมดูแลโดย บริษัท (รวมเรียกว่า “บริการ”)

บุคคลมีความสัมพันธ์กับ บริษัท ตามความในวรรคแรก รวมถึง

  1. ลูกค้าบุคคลธรรมดา
  2. พนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้ปฏิบัติงาน ลูกจ้าง
  3. คู่ค้าและผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา
  4. กรรมการ ผู้รับมอบอำนาจ ผู้แทน ตัวแทน ผู้ถือหุ้น ลูกจ้าง หรือบุคคลอื่นที่มีความสัมพันธ์ในรูปแบบเดียวกันของนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับ บริษัท
  5. ผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์หรือบริการของ บริษัท
  6. ผู้เข้าชมหรือใช้งานเว็บไซท์ รวมทั้งระบบ แอปพลิเคชัน อุปกรณ์ หรือช่องทางการสื่อสารอื่น ซึ่งควบคุมดูแลโดยบริษัท
  7. บุคคลอื่นที่บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ผู้สมัครงาน ครอบครัวของเจ้าหน้าที่ ผู้ค้ำประกัน ผู้รับประโยชน์ในกรมธรรม์ประกันภัย เป็นต้น

ข้อ 1 ถึง 6 เรียกรวมกันว่า “ท่าน”

นอกจากนโยบายฉบับนี้แล้ว บริษัท อาจกำหนดให้มีคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (“ประกาศ”) สำหรับผลิตภัณฑ์หรือบริการของ บริษัท เพื่อชี้แจงให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นผู้ใช้บริการได้ทราบถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกประมวลผล วัตถุประสงค์และเหตุผลอันชอบด้วยกฎหมายในการประมวลผล ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลพึงมีในผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้นเป็นการเฉพาะเจาะจง

ทั้งนี้ ในกรณีที่มีความขัดแย้งกันในสาระสำคัญระหว่างความในประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและนโยบายนี้ ให้ถือตามความในประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของบริการนั้น

2. คำนิยาม

บริษัท หมายถึง บริษัท มายด์เอจ อินโนเวชั่น จำกัด และบริษัทในเครือ

ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดา ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ถูกบัญญัติไว้ในมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งได้แก่ ข้อมูลเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง การดำเนินการใด ๆ กับข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เก็บรวบรวม บันทึก สำเนา จัดระเบียบ เก็บรักษา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ใช้ กู้คืน เปิดเผย ส่งต่อ เผยแพร่ โอน รวม ลบ ทำลาย เป็นต้น

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย

ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

3. บริษัทเก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้

3.1 บริษัทเก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้

1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงในช่องทางให้บริการต่าง ๆ เช่น เมื่อท่านยื่นใบสมัครงานและเอกสารประกอบการสมัครงานให้แก่บริษัท การสมัครงานผ่านเว็บไซต์ของบริษัท รวมถึงกรณีที่ท่านเข้าสัมภาษณ์งาน หรือ เมื่อท่านติดต่อสื่อสาร สอบถามข้อมูล ผ่านทางเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน โทรศัพท์ อีเมล การพบปะกันโดยตรง หรือโดยวิธีการอื่นใด เมื่อท่านแสดงเจตนาเพื่อซื้อสินค้าหรือใช้บริการจากบริษัท และเข้าทำสัญญากับบริษัท เมื่อท่านเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด การจับสลากชิงโชค งามสัมมนา หรือกิจกรรมอื่น ๆ รวมถึงเข้าทำสัญญากับบริษัท และส่งมอบเอกสารต่าง ๆ ซึ่งมีข้อมูลส่วนบุคคลของท่านปรากฏอยู่มาให้กับบริษัท เป็นต้น

2. ข้อมูลที่บริษัทเก็บรวบรวมจากการที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเข้าใช้งานเว็บไซต์ ผลิตภัณฑ์หรือบริการ อื่น ๆ ตามสัญญาหรือตามพันธกิจ เช่น การใช้คุกกี้ (Cookies) หรือจากซอฟต์แวร์บนอุปกรณ์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น รายละเอียดเพิ่มเติมโปรดดู ข้อ 8. การใช้คุกกี้

3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท เก็บรวบรวมจากแหล่งอื่นนอกจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยที่แหล่งข้อมูลดังกล่าว มีอำนาจหน้าที่ มีเหตุผลที่ชอบด้วยกฎหมาย หรือได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแล้วในการเปิดเผยข้อมูล แก่บริษัท เช่น การเชื่อมโยงบริการดิจิทัลของหน่วยงานของรัฐในการให้บริการเพื่อประโยชน์สาธารณะ แบบเบ็ดเสร็จแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเอง การรับข้อมูลส่วนบุคคลจากหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นในฐานะที่บริษัทมีหน้าที่ตามพันธกิจ ในการดำเนินการจัดให้มีศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกลางเพื่อสนับสนุนการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐในการให้บริการประชาชนผ่านระบบดิจิทัล รวมถึงจากความจำเป็นเพื่อให้บริการตามสัญญาที่อาจมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนบุคคล กับหน่วยงานคู่สัญญาได้

นอกจากนี้ ยังหมายความรวมถึงกรณีที่ท่านเป็นผู้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกแก่บริษัทจะต้องมีหน้าที่รับผิดชอบในการแจ้งรายละเอียดตามนโยบายนี้ให้บุคคลดังกล่าวทราบ และขอความยินยอมจากบุคคลนั้น ในกรณี ที่ต้องได้รับความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลแก่บริษัท

3.2 ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านจะได้รับการแจ้งถึงรายละเอียดต่าง ๆ ตามที่ระบุในประกาศ ฉบับนี้ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะวัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลหรือหากเป็นกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทจะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน

3.3 ในกรณีที่บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ก่อนวันที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับบริษัทจะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิมที่บริษัทได้แจ้งไว้แก่ท่านในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งท่านมีสิทธิยกเลิกความยินยอม โดยติดต่อมายังบริษัทตามรายละเอียดการติดต่อที่ระบุไว้ในข้อ 14 ของประกาศฯ ฉบับนี้ ทั้งนี้ บริษัทขอสงวนสิทธิในการพิจารณาคำขอยกเลิกความยินยอมของท่านและดำเนินการตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

4. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม

ในการเก็บรวบรวม และเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลบริษัทจะใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายและจำกัดเพียงเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์การดำเนินงานของบริษัท อันประกอบด้วย

ประเภทข้อมูลส่วนบุคคล รายละเอียดและตัวอย่าง
ข้อมูลเฉพาะตัวบุคคล
  • ชื่อ – นามสกุล
  • สมญานามที่เป็นที่รู้จักกัน
  • เพศ
  • อายุ
  • สถานภาพสมรส
  • เลขประจำตัวประชาชนหรือ เลขที่หนังสือเดินทาง
  • ลายมือชื่อ
  • วันเกิด สถานที่เกิด
  • ภาพถ่าย เป็นต้น
ข้อมูลสำหรับการติดต่อ
  • ที่อยู่ตามบัตรประชาชน, ที่อยู่ปัจจุบัน
  • สถานที่จัดส่งเอกสาร
  • สถานที่จัดส่งสินค้า
  • ตำแหน่งที่อยู่
  • หมายเลขโทรศัพท์
  • อีเมล
  • ชื่อบัญชี Social media (Line ID, Facebook Account)
  • ข้อมูลผู้ที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน และข้อมูลบุคคลอ้างอิง เป็นต้น
ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมการซื้อขายกับทางบริษัท
  • รหัสลูกค้า
  • รายละเอียดการสั่งซื้อ (อาทิ สินค้าที่ต้องการ จำนวน และคุณภาพ)
  • รายละเอียดของสินค้าที่ต้องการ
  • รายละเอียดการร้องเรียนเกี่ยวกับสินค้า (อาทิ วันที่สั่งซื้อสินค้า ประเภทสินค้า สาขาที่เกี่ยวข้อง และปัญหาที่พบ)
  • เลขที่ใบรับสินค้าชั่วคราว
  • รายละเอียดการส่งสินค้า เป็นต้น
ข้อมูลเกี่ยวกับการชำระเงินในการใช้บริการของบริษัท
  • จำนวนเงิน
  • เงื่อนไขการชำระเงิน
  • เลขที่บัญชี
  • ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในใบแจ้งหนี้ ใบกำกับภาษี เช็ค และตัวขั้วเช็ค ใบสำคัญการจ่าย ใบเสร็จรับเงิน ใบสำคัญรับเงิน และใบหักบัญชีเงินฝาก เป็นต้น
ข้อมูลเกี่ยวกับสถิติทางทะเบียน
  • วันที่เริ่มงาน
  • วันครบกำหนดทดลองงาน
  • วันและเวลาที่เข้าทำงาน
  • จำนวนชั่วโมงที่ทำงาน จำนวนชั่วโมงที่ทำงานล่วงเวลา
  • วันหยุดพักผ่อนประจำปี วันลา แบบแจ้งการลา
  • รายละเอียดการลารวมถึงสาเหตุการลา
  • บันทึกการเข้าออกบริษัท
  • การบันทึกการใช้ระบบต่าง ๆ ของบริษัท เป็นต้น
ข้อมูลด้านเทคนิค
  • ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Log)
  • หมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ (IP Address)
  • ข้อมูลที่บริษัทฯ ได้เก็บรวบรวมผ่านคุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึงกัน
  • บันทึกเสียงการสนทนา บันทึกการติดต่อทาง MS Team, Line, Messenger, Social Media ต่าง ๆ
  • บันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวผ่านกล้องวงจรปิด (CCTV) เป็นต้น
ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่น
  • ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลในครอบครัว (บิดามารดา, พี่น้อง, คู่สมรส และบุตร)
  • ข้อมูลบุคคลอ้างอิง (บุคคลอ้างอิง, ผู้บังคับบัญชา, คนรู้จักของท่านซึ่งทำงานในบริษัท)
  • ข้อมูลของผู้ติดต่อในกรณีฉุกเฉิน ข้อมูลบุคคลอ้างอิง เป็นต้น
ข้อมูลอื่น ๆ
  • ข้อมูลเกี่ยวกับยานพาหนะส่วนบุคคลของท่าน (ทะเบียนรถยนต์, ทะเบียนรถ จักรยานยนต์, ยี่ห้อ รุ่น และสีของยานพาหนะ) เป็นต้น
ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีข้อมูลอ่อนไหว
  • ข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อชาติ/ชาติพันธุ์
  • ข้อมูลเกี่ยวกับศาสนา
  • ประวัติอาชญากรรม
  • ข้อมูลชีวภาพ (ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ, ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า, ข้อมูลจำลองม่านตา)
  • ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ (โรคประจำตัว, โรคติดต่อ, ประวัติอาการแพ้) รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในใบรับรองแพทย์ รายงานสุขภาพประจำปี
  • ความพิการ

สำหรับข้อมูลส่วนบุคคลที่มีข้อมูลอ่อนไหว หรือข้อมูลอื่นใดในทำนองเดียวที่กฎหมายกำหนด ซึ่งบริษัทต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยบริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวได้ ต่อเมื่อบริษัทได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน หรือในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นตามที่กฎหมายอนุญาตไว้เท่านั้น

5. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอยินยอม

โดยบริษัทจะดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อน ยกเว้นในกรณีดังต่อไปนี้

5.1 เพื่อปฏิบัติตามสัญญา กรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อความจำเป็นต่อการให้บริการ หรือปฏิบัติตามสัญญาระหว่างเจ้าของข้อมูลและบริษัท

5.2 เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพ

5.3 เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย

5.4 เพื่อผลประโยชน์อันชอบโดยกฎหมายของบริษัท กรณีมีความจำเป็นเพื่อประโยชน์อันชอบธรรมในการ ดำเนินงานของบริษัท โดยบริษัทจะพิจารณาถึงสิทธิของเจ้าของข้อมูลเป็นสำคัญ เช่น เพื่อป้องกันการฉ้อโกง การรักษา ความปลอดภัยในระบบเครือข่าย การปกป้องสิทธิเสรีภาพ และประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลเป็นต้น

5.5 เพื่อการศึกษาวิจัยหรือสถิติ กรณีที่มีการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิ และเสรีภาพของเจ้าของข้อมูล

5.6 พื่อปฏิบัติภารกิจของรัฐ กรณีมีความจำเป็นต่อการปฏิบัติตามภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือการปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจรัฐที่ บริษัทได้รับมอบหมาย

6. วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้หรือตามวัตถุประสงค์อื่น ๆ ที่แจ้งขณะเก็บรวบรวม ข้อมูลหรือที่ท่าน และ/หรือและผู้ที่เกี่ยวข้องกับพนักงาน ได้ให้ความยินยอมหลังจากบริษัท ดำเนินการเก็บข้อมูลไปแล้วเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ภายใต้ฐานทางกฎหมาย ดังต่อไปนี้ (รวมกันเรียกว่า “วัตถุประสงค์ที่กำหนด”)

วัตถุประสงค์ที่กำหนดฐานทางกฎหมายรายละเอียด
6.1 วัตถุประสงค์ในการรับสมัครงาน และการดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้อง ฐานสัญญา เป็นการจำเป็นเพื่อใช้พิจารณาคำขอสมัครงานของผู้สมัครงานที่ได้แสดงเจตนาประสงค์เข้าสู่กระบวนการคัดเลือกพนักงานของบริษัท
ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทในการรับสมัคร การคัดเลือกผู้สมัคร การสัมภาษณ์ หรือการดำเนินการภายหลังการรับสมัครงานแล้ว เช่น การตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครงาน เป็นต้น
ฐานความยินยอม ในกรณีที่บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่คาดว่าจะเป็นพนักงาน โดยการตัดสินใจของบริษัทเองจากแหล่งอื่น เช่น เว็บไซต์ Recruiter โดยที่ผู้ที่คาดว่าจะเป็นพนักงานยังไม่ได้แสดงเจตนาว่าประสงค์ที่จะสมัครงานกับบริษัท
6.2 วัตถุประสงค์ในการอนุมัติเงินเดือน และผลประโยชน์ สำหรับพนักงานของบริษัท ฐานสัญญา เป็นการจำเป็นเพื่อใช้ในการพิจารณาคำขอของผู้สมัครงานที่ผ่านขั้นตอนการสัมภาษณ์งานและเข้าสู่กระบวนการอนุมัติเงินเดือนและผลประโยชน์สำหรับบุคลากรก่อนเข้าทำสัญญาจ้าง หรือสัญญาอื่นใด เพื่อบรรจุเข้าเป็นพนักงานของบริษัท
ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลที่ประมวลผล มีความจำเป็นต่อการพิจารณาอนุมัติเงินเดือนและผลประโยชน์สำหรับพนักงานของบริษัท
6.3 วัตถุประสงค์ในการดำเนินการ อื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการบรรจุเป็นพนักงาน ฐานสัญญา เป็นการจำเป็นเพื่อดำเนินการเข้าทำสัญญาจ้าง สัญญาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และการดำเนินการใด ๆ ที่จำเป็นก่อนการเข้าทำสัญญาจ้าง เช่น การตรวจร่างกายก่อนเข้าทำงาน การระบุชื่อผู้รับผลประโยชน์ การขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน และการเข้าทำสัญญาจ้าง เป็นต้น
ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นการจำเป็นในการบริหารจัดการด้านทรัพยากร บุคคลของบริษัทฯ เช่น การตรวจสอบและพิจารณาคุณสมบัติของพนักงาน เพื่อบรรจุพนักงานเข้าทำงานในตำแหน่งที่เหมาะสม เป็นต้น
ฐานความยินยอม การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของพนักงาน เช่น ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลชีวภาพ เป็นต้น จะกระทำโดยอาศัยความยินยอมจากพนักงาน
6.4 วัตถุประสงค์ในการบริหารจัดการสวัสดิการและผลประโยชน์พนักงาน ฐานสัญญา เป็นการจำเป็นสำหรับบริษัทฯ ในการปฏิบัติตามสัญญาจ้าง และสัญญาอื่น ๆ ซึ่งพนักงานเป็นคู่สัญญา เช่น เงินยืม สวัสดิการเบิกค่ารักษาพยาบาล สวัสดิการส่วนลดสำหรับพนักงาน การตรวจร่างกายประจำปี การประกันภัย และการเรียกค่าสินไหมทดแทนที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัย เป็นต้น
ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นการจำเป็นต่อการบริหารจัดการด้านทรัพยากรบุคคลของบริษัท
ฐานการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการคุ้มครองแรงงาน การประกันสังคม สวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของผู้มีสิทธิตามกฎหมาย การคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ เป็นต้น
ฐานความยินยอม การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว อาทิ ข้อมูลสุขภาพ เพื่อการบริหารจัดการประกันภัยแบบกลุ่มหรือสวัสดิการอื่น ๆ จะกระทำโดยอาศัยความยินยอมที่ได้รับจากพนักงาน และผู้ที่เกี่ยวข้องกับพนักงาน
6.5 วัตถุประสงค์ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานตามสัญญาจ้าง หรือสัญญาอื่นใดซึ่งได้เข้าทำกับบริษัท ฐานสัญญา เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ หรือทำงานตามขอบเขตที่ระบุในสัญญาจ้าง หรือสัญญาอื่นใด เช่น การใช้และเปิดเผย ชื่อ นามสกุล และข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในบัตรประจำตัวประชนของพนักงาน เพื่อยืนยันตัวตนในฐานะผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท ในการลงนามในสัญญาหรือการทำนิติกรรมใด ๆ ในนามของบริษัท ตลอดจนการใช้และเปิดเผยชื่อของพนักงานในประกาศ ใบอนุมัติ แบบฟอร์ม หรือเอกสารอื่น ๆ ของบริษัท ตามขอบอำนาจหน้าที่ หรือส่วนงานที่พนักงานดังกล่าวเป็นผู้รับผิดชอบ เป็นต้น
ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการดำเนินธุรกิจ และการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวของบริษัท
6.6 วัตถุประสงค์ในการบันทึกเวลาการทำงาน จ่ายเงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส ค่าตอบแทน หรือสิทธิประโยชน์ใด ๆ ฐานสัญญา เป็นการจำเป็นสำหรับการจ่ายค่าจ้าง เงินเดือน โบนัส ค่าตอบแทนและ/หรือสิทธิประโยชน์ใด ๆ ตามสัญญาจ้าง และสัญญาอื่นใด ซึ่งพนักงานเป็นคู่สัญญา
ฐานกฎหมาย เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัทฯ เช่น การหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามกฎหมายว่าด้วยภาษีอากร เป็นต้น
ฐานความยินยอม การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของบุคลากร เช่น ข้อมูลชีวภาพ จะกระทำโดยอาศัยความยินยอมที่ได้รับจากพนักงาน
6.7 วัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรบุคคล และคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ฐานกฎหมาย เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัทฯ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ กฎหมายแรงงาน กฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม กฎหมายภาษีอากร การส่งข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานให้แก่หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมสรรพากร สำนักงานประกันสังคม และกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เป็นต้น
6.8 วัตถุประสงค์ในการประเมิน ผลการปฏิบัติงาน หรือหน้าที่ของพนักงาน ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัทฯ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ กฎหมายแรงงาน กฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม กฎหมายภาษีอากร การส่งข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานให้แก่หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมสรรพากร สำนักงานประกันสังคม และกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เป็นต้น
6.9 วัตถุประสงค์ในการโอนย้ายและการยืมตัวพนักงาน ฐานสัญญา เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาจ้าง สัญญาโอนย้ายพนักงาน หรือสัญญาอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน
ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการบริหารจัดการด้านทรัพยากรบุคคลของบริษัทฯ เช่น การโอนย้าย หรือยืมตัวพนักงาน เป็นต้น
6.10 วัตถุประสงค์ในการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลในเรื่องอื่น ๆ อาทิ การลงโทษทางวินัย การเลิกจ้าง และการลาออก เป็นต้น ฐานสัญญา เป็นการจำเป็นเพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาจ้าง และสัญญาอื่น ๆ ซึ่งพนักงานเป็นคู่สัญญา อาทิ การเลิกจ้าง ในกรณีที่พนักงานลาออกหรือเกษียณอายุ และการบันทึกประวัติการถูกลงโทษทางวินัยของบุคลากรที่ฝ่าฝืนระเบียบหรือข้อบังคับการทำงาน เป็นต้น
ฐานกฎหมาย เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัท เช่น การดำเนินการตามกระบวนการเลิกจ้าง การลาออกหรือการเกษียณอายุของพนักงาน ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน และกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นต้น
ฐานการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัท เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการคุ้มครองแรงงาน เช่น การลงโทษทางวินัย และการเลิกจ้าง เป็นต้น
ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการจัดการด้านทรัพยากรบุคคลของบริษัท เช่น การลงโทษทางวินัยและบันทึกประวัติการถูกลงโทษทางวินัย และการพ้นสภาพจากการเป็นพนักงานของบริษัท เป็นต้น
6.11 วัตถุประสงค์ในการติดต่อ สื่อสาร กับผู้สมัครงาน พนักงาน และ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับพนักงาน ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ในการติดต่อสื่อสารกับผู้สมัครงาน พนักงาน และ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับพนักงาน
6.12 วัตถุประสงค์ในการดำเนินการเข้าทำสัญญา ฐานสัญญา การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าเพื่อความจำเป็นเพื่อเข้าทำสัญญา รวมถึงกระบวนการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำสัญญา เช่น การตรวจสอบเอกสารเพื่อประกอบการทำสัญญา เป็นต้น
ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้า เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการดำเนินธุรกิจของบริษัท เช่น การตรวจสอบยืนยันตัวตนของคู่ค้า และการพิจารณาคุณสมบัติของคู่ค้า เป็นต้น
6.13 วัตถุประสงค์ในการดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเกี่ยวกับคู่ค้าในระบบของบริษัท ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้า เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการอำนาจความสะดวกในการแก้ไข เปลี่ยนแปลง รายละเอียดเกี่ยวกับคู่ค้าเพื่อให้ข้อมูลถูกต้อง สมบูรณ์ เป็นปัจจุบัน และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
6.14 วัตถุประสงค์การประเมินผลการทำงานของพันธมิตรหรือคู่ค้าทางธุรกิจ ฐานความยินยอม การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้า เป็นไปเพื่อใช้ประเมินการทำงานของ Messenger
6.15 วัตถุประสงค์อการดำเนินการใด ๆ ที่จำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อคู่ค้า ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ชอบด้วยกฎหมายของบริษัทในการดำเนินการใด ๆ ที่จำเป็นของบริษัท และ/หรือเป็นประโยชน์ ต่อคู่ค้า หรือเกี่ยวข้องโดยตรงกับวัตถุประสงค์ที่กำหนดข้างต้น ทั้งนี้ หากเป็นกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใดกำหนดให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทจะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน
6.16 วัตถุประสงค์ในการก่อตั้งสิทธิ/การใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้ซึ่งสิทธิเรียกร้องของบริษัทในขั้นตอนต่าง ๆ ตามกฎหมาย ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นการจำเป็นเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมายการปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้ซึ่งสิทธิเรียกร้องของบริษัทฯ ในขั้นตอนต่าง ๆ ตามกฎหมาย เช่น การสอบสวนและ/หรือการไต่สวนโดยเจ้าหน้าที่รัฐ การเตรียมคดีการดำเนินคดี และ/หรือการต่อสู้คดีในชั้นศาล เป็นต้น
6.17 วัตถุประสงค์ในการตรวจสอบดูแลความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยของบุคคล และทรัพย์สินของบริษัท ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย การจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการตรวจสอบดูแลความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยทรัพย์สินของบริษัท เช่น การใช้ภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิด (CCTV) เพื่อป้องกันการสูญหาย หรือเสียหายในทรัพย์สินของบริษัท หรือใช้เพื่อติดตามเอาคืนทรัพย์สิน หรือเรียกให้ชดใช้ค่าเสียหาย ในกรณีที่มีการทำให้ทรัพย์สินของบริษัทสูญหายหรือเสียหาย, เพื่อตรวจสอบการทำงานของพนักงาน เป็นต้น
ฐานการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ ดูแล ป้องกัน หรือระงับเหตุการณ์ใด ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล เช่น การใช้ภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิด (CCTV) เพื่อดูแลชีวิต ร่างกาย อนามัย และสวัสดิภาพในการทำงาน เป็นต้น
6.18 เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ ที่บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบ ฐานความยินยอม บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงวัตถุประสงค์อื่นใดอันเป็นเหตุให้บริษัทต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ตามที่ระบุไว้ข้างต้น หรือเมื่อบริษัท มีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์เดิมที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ หากเป็นกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทจะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน

7. การส่งต่อและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะไม่เปิดเผยและส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังหน่วยงานภายนอก เว้นแต่ได้รับคำยินยอมชัดแจ้งจากท่าน หรือเป็นไปตามกรณีดังต่อไปนี้

7.1 เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ระบุในประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ บริษัท อาจจำเป็นต้องเปิดเผยหรือแบ่งปันข้อมูลเฉพาะเท่าที่จำเป็นแก่คู่ค้า ผู้ให้บริการ หรือหน่วยงานภายนอก ดังต่อไปนี้

  1. ธุรกิจคู่ค้า และธุรกิจพันธมิตร
  2. ตัวแทน หรือคู่ค้าที่ให้บริการแก่บริษัท หรือดำเนินการใด ๆ ในฐานะตัวแทนของบริษัท
  3. หุ้นส่วนทางธุรกิจ
  4. ธนาคาร และผู้ให้บริการชำระเงิน เช่น บริษัทบัตรเครดิต หรือเดบิต
  5. ที่ปรึกษาของบริษัท เช่น ที่ปรึกษากฎหมาย ทนายความ ผู้ตรวจสอบบัญชี นักคณิตศาสตร์ประกันภัย นักการตลาดหรือผู้เชี่ยวชาญอื่นใด ทั้งภายในและภายนอกของบริษัท เป็นต้น ทั้งนี้ บริษัทจะจัดทำข้อตกลงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายกำหนด

7.2 บริษัทในระบบนิเวศของข้อมูล (Data Ecosystem) ของบริษัท มี แอนด์ ยู เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศของข้อมูล (Data Ecosystem) ซึ่งทั้งหมดมีการร่วมมือและแบ่งปันการให้บริการ และระบบต่าง ๆ แก่ลูกค้า รวมไปถึงการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์และระบบอื่น ๆ ดังนั้น บริษัทอาจมีความจำเป็น ที่จะต้องเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบริษัทอื่น ๆ ที่อยู่ในระบบนิเวศของข้อมูล (Data Ecosystem) ของบริษัทในเครือ บริษัท มี แอนด์ ยู เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด หรืออนุญาตให้บริษัทอื่น ๆ ที่อยู่ในระบบนิเวศของข้อมูล (Data Ecosystem) เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ตามที่ได้ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้

7.3 กฎหมายหรือกระบวนการทางกฎหมายบังคับให้เปิดเผยข้อมูล หรือเปิดเผยต่อเจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่รัฐ หรือ หน่วยงานที่มีอำนาจเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งหรือคำขอที่ชอบด้วยกฎหมาย

8. การใช้คุกกี้

บริษัทเก็บรวบรวม และใช้คุกกี้รวมถึงเทคโนโลยีอื่นในลักษณะเดียวกันในเว็บไซต์ที่อยู่ภายใต้ความดูแลของบริษัท เช่น เว็บไซต์ของบริษัทและบริษัทในกลุ่มธุรกิจภายใต้ บริษัท มี แอนด์ ยู เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด หรือเว็บไซต์แบรนด์สินค้า เป็นต้น บนอุปกรณ์ของท่านตามแต่บริการที่ท่านใช้งาน ทั้งนี้ เพื่อการดำเนินการด้านความปลอดภัยในการให้บริการของบริษัท และเพื่อให้ท่านซึ่งเป็นผู้ใช้งานได้รับความสะดวกและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานบริการของบริษัท และข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปเพื่อปรับปรุงเว็บไซต์ของบริษัท ให้ตรงกับความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น โดยท่านสามารถตั้งค่าหรือลบการใช้งานคุกกี้ได้ด้วยตนเองจากการตั้งค่าในเว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) ของท่าน

9. การถ่ายโอนหรือส่งต่อข้อมูลไปยังต่างประเทศ

บริษัทอาจจะส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ โดยจะทำให้แน่ใจว่าประเทศปลายทางหรือหน่วยงานปลายทางมีมาตรฐานและนโยบายในการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวที่เพียงพอ

10. การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทมีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างเหมาะสม ทั้งในเชิงเทคนิคและการบริหารจัดการ รวมทั้งจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากพนักงาน ลูกจ้าง และตัวแทนของบริษัท เพื่อป้องกันมิให้ข้อมูลสูญหาย หรือมีการเข้าถึง ทำลาย ใช้เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต

นอกจากนี้บริษัทได้กำหนดให้มีนโยบายคุ้มครองข้อมูลลส่วนบุคคล ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ขึ้นโดยประกาศให้ทราบโดยทั่วกันทั้งบริษัท พร้อมแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยธำรงไว้ซึ่งความเป็นความลับ (Confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (Integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (Availability) ของข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทได้จัดให้มีการทบทวนนโยบายดังกล่าวรวมถึงประกาศนี้ในระยะเวลาตามที่เหมาะสม

11. ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูล

บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  1. สำหรับลูกค้า คู่ค้า บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตลอดระยะเวลาตราบเท่าที่จำเป็นต่อการประมวลผลตามวัตถุประสงค์ในประกาศฉบับนี้เท่านั้น
  2. สำหรับผู้สมัครงานที่ไม่ได้รับเลือกจะเก็บข้อมูลไว้เป็นระยะเวลา 3 ปี นับจากวันที่บริษัทได้รับใบสมัครงาน
  3. สำหรับผู้สมัครงานที่ได้รับเลือกเป็นพนักงานจะเก็บข้อมูลไว้ตลอดระยะเวลาการเป็นพนักงาน
  4. สำหรับอดีตพนักงานจะเก็บข้อมูลต่อเนื่องอีกเป็นระยะเวลา 10 ปี หลังจากสิ้นสุดการเป็นพนักงาน และจะเก็บข้อมูลไว้ตลอดระยะเวลาตราบเท่าที่จำเป็นต่อการประมวลผลตามวัตถุประสงค์ในประกาศฉบับนี้เท่านั้น เว้นแต่มีความจำเป็นต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้ด้วยเหตุอื่นใด เช่น เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือการตรวจสอบกรณีการเกิดข้อพิพาท บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเก็บข้อมูลไว้เป็นระยะเวลาเกินกว่าที่ระบุ เป็นต้น

12. การเปลี่ยนแปลงประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจแก้ไขเพิ่มเติมประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโดยจะประกาศบนเว็บไซต์ที่ดำเนินการพร้อมระบุวันที่แก้ไขเพิ่มเติมครั้งล่าสุด บริษัทแนะนำให้ท่านตรวจสอบประกาศนี้เป็นประจำ โดยการที่ท่านใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการทางเว็บไซต์ของบริษัท ต่อไปหลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะถือว่าท่านยอมรับประกาศที่เปลี่ยนแปลงนั้นแล้ว

13. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่ในความควบคุมของท่านได้มากขึ้น โดยท่านสามารถใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบบุคล พ.ศ. 2562

ทั้งนี้ หากท่านประสงค์ที่จะขอใช้สิทธิของท่าน ท่านสามารถติดต่อมายังบริษัท ตามรายละเอียดการติดต่อในข้อ 17 ของประกาศฯ ฉบับนี้

13.1 สิทธิที่จะเพิกถอนความยินยอม ในกรณีที่บริษัท อาศัยความยินยอมของท่านในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับบริษัทได้

13.2 สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและขอให้บริษัทจัดทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลของท่านได้

13.3 สิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล ในบางกรณี ท่านอาจมีสิทธิที่จะขอรับข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับท่านรวมถึงมีสิทธิขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น หรือตัวท่านเอง เว้นแต่โดยสภาพไม่สามารถทำได้

13.4 สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ในบางกรณีท่านอาจมีสิทธิขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้

13.5 สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล โดยท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้องเป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้

13.6 สิทธิในการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล ในบางกรณี ท่านอาจขอให้บริษัทดำเนินการ ลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้

13.7 สิทธิในการขอระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ในบางกรณีท่านมีสิทธิขอให้บริษัทระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้

13.8 สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียน หากท่านมีความกังวลหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติของบริษัทเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดติดต่อบริษัท โดยใช้รายละเอียดการติดต่อตามข้อ 17 ของประกาศฯ ฉบับนี้

ทั้งนี้ในกรณีที่มีเหตุให้เชื่อได้ว่าบริษัทได้ทำการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามระเบียบและวิธีการตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

ทั้งนี้ บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาคำร้องขอใช้สิทธิของท่านและดำเนินการตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

14. โทษของการไม่ปฏิบัติตามนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

การไม่ปฏิบัติตามนโยบายอาจมีผลเป็นความผิดและถูกลงโทษทางวินัยตามกฎเกณฑ์ของบริษัทฯ (สำหรับเจ้าหน้าที่หรือผู้ปฏิบัติงานของ บริษัทฯ) หรือตามข้อตกลงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (สำหรับผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล) ทั้งนี้ ตามแต่กรณีและความสัมพันธ์ที่ท่านมีต่อบริษัทฯ และอาจได้รับโทษตามที่กำหนดโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมทั้งกฎหมายลำดับรอง กฎ ระเบียบ คำสั่งที่เกี่ยวข้อง

15. การร้องเรียนต่อหน่วยงานผู้มีอำนาจกำกับดูแล

ในกรณีที่ท่านพบว่า บริษัทฯ มิได้ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิร้องเรียนไปยังคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือหน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลที่ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือตามกฎหมาย ทั้งนี้ ก่อนการร้องเรียนดังกล่าวบริษัทฯ ขอให้ท่านโปรดติดต่อมายัง บริษัทฯ เพื่อให้ บริษัทฯ มีโอกาสได้รับทราบข้อเท็จจริงและได้ชี้แจงในประเด็นต่าง ๆ รวมถึงจัดการแก้ไขข้อกังวลของท่านก่อน ในโอกาสแรก

16. การปรับปรุงแก้ไขนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ อาจพิจารณาปรับปรุง แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ตามที่เห็นสมควร และจะทำการแจ้งให้ท่านทราบผ่านช่องทางเว็บไซต์ โดยมีวันที่มีผลบังคับใช้ของแต่ละฉบับแก้ไขกำกับอยู่ อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ขอแนะนำให้ท่านโปรดตรวจสอบเพื่อรับทราบนโยบายฉบับใหม่อย่างสม่ำเสมอ ผ่านช่องทางเว็บไซต์ หรือช่องทางเฉพาะกิจกรรมที่บริษัทฯ ดำเนินการ โดยเฉพาะก่อนที่ท่านจะทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่ บริษัทฯ

การเข้าใช้งานผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัทฯ ภายหลังการบังคับใช้นโยบายใหม่ ถือเป็นการรับทราบตามข้อตกลงในนโยบายใหม่แล้ว ทั้งนี้ โปรดหยุดการเข้าใช้งานหากท่านไม่เห็นด้วยกับรายละเอียดในนโยบายฉบับนี้และโปรดติดต่อมายัง บริษัทฯ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงต่อไป

17. การติดต่อสอบถามหรือใช้สิทธิ

หากท่านมีข้อสงสัย ข้อเสนอแนะ หรือข้อกังวลเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท หรือเกี่ยวกับประกาศนี้ หรือท่านต้องการใช้สิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านสามารถใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล สามารถติดต่อสอบถามได้ที่

1. ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)

ชื่อ : บริษัท มายด์เอจ อินโนเวชั่น จำกัด

สถานที่ติดต่อ : เลขที่ 111 ถนนประเสริฐมนูกิจ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร 10240

2. เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)

ชื่อ : คุณทัยวรี สนิทสม

ช่องทางการติดต่อ : medatacontrol@mindedge.co.th

สถานที่ติดต่อ : เลขที่ 111 ถนนประเสริฐมนูกิจ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร 10240

ให้ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป

ADDRESS

111 Prasert-Manukitch Rd,
Khlong Kum, Bueng Kum,
Bangkok 10240
Tel. 02-374-4489

CONTACT BUSINESS

Development Department :
Tel. 02-374-4489
Email : info@mindedge.co.th
Website : www.mindedge.co.th